บันเทิงสนุกสนุก

  • เฮฮา กัน

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โอนาซิเรียส ปริศนาผู้สาบสูญ -บทที่ 1

-1-


ณ เมืองพิเศษไตรทิออนเนียร์ เมืองแห่งการศืกษาและการเรียนรู้ ซึ่งมีหมาวิทยาลัยสากลแห่งไตรทิออนเนียร์  เหตุเริ่มจากที่นั่น ณ มหาลัยแห่งนั้น  กำลังมีพิธี ปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ที่เดินทางมา ศึกษาต่อจากต่างเมือง
นับรวมได้สักประมาณ 50 ชีวิต  ยืนเรียงแถวตอน5แถว เสียงบรรเลงดนตรีโหมโรงพิธีการอะไรสักอย่างก็เริ่มบรรเลงดังขึ้นดังขึ้น 
บัดนี้ ใกล้จะหมดเวลาการรับสมัครเข้าเป็นนักศึกษาเพื่อที่จะได้เข้ารับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรตินี้  เนื่องจากการที่นักศึกษาทั้งหมดก็มากท่าน ก็ได้ทราบรายละเอียดตามประกาศเข้ารับการสมัคร ของทางมหาวิทยาลัยแห่งนี้แล้ว ดังว่า
1.ผู้ที่จะสมัครเข้าเป็นนักศึกษานั้นจะต้องมายื่นหลักฐานและยืนเข้าแถวในห่อประชุมแห่งนี้ ให้ทัน ภายในเวลา  9นาฬิกา 9 นาที ของวันนี้
2.ไม่จำกัดจำนวน
3.หากได้เข้ารับการศึกษาในฐานะนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยแห่งนี้ จะต้องไม่ออกไปสู่โลกภายนอกมหาวิทยาลัยเป็นเวลา 4 ปี เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
4.หากเกิดการเสียชีวิตอันพิสูจน์ได้ว่า มิได้เกิดจากความผิดของทางมหาวิทยาลัย ทางเราจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น
ดังที่อ่านให้ว่าที่นักศึกษาทั้งหลายฟังเป็นที่ประจักษ์แล้วข้างต้น ท่านทั้งหมดที่มายืนอยู่ ณ หอประชุมแห่งนี้ถือว่า เป็นผู้มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้เข้ารับการศึกษา  เพราะท่านก็ทราบดีว่า  ที่ตั้งของมหาวิทยาลัย สากล ไตรทิออนเนียร์ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลหลายร้อยเมตร มีเนื้อที่กว่าพันตารางกิโลเมตร ภูมิศาตร์โดยรอบล้วนเป็นผืนป่าทึบขวางกันราวกับกำแพงธรรมชาติ มีทางขึ้นทีราบสูงแห่งนี้เพียงทางเดียว ซึ่งเป็นระยะทางที่ต้องใช้เวลานานนับเดือนกว่าจะได้มีโอกาสมายืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้
มีรายงานจากคณะทำงานสำรวจสถิติแห่งไตรทิออน รายงานมาว่า มีผู้เริ่มเดินทางขึ้นมาจากที่ราบสูงแห่งนี้กว่าพันคนแต่ก็ไม่สามารถมาถึงได้ทันเวลา ซึ่งพวกท่านก็เห็นแล้วว่า พวกท่านทั้ง 50 คนมีความสามารถ
ข้าในนาม รศ.โบบโปะ ชูชา ประธานอำนวยการการจัดการนักศึกษาปีที่1 แห่งมหาวิทยาลัยไตรทิออนเนียร์  สังกัด คณะเวทย์มนต์    ขอนับถอยหลังความยิ่งใหญ่นี้ เนื่องจากตอนนี้หรืออีกในไม่ถึง สิบวินาทีก็จะครบกำหนดการรับสัมครแล้ว
เก้า... แปด... เจ็ด... หก... ห้า... สี่... สาม... สอง... ....อะเด๊ะ..!!” พิธีกรยังนับไม่ทันถึงหนึ่งก็ มีเสียงประตูทางเข้าของหอประชุมถูกผลักอย่างแรง จนนักศึกษาทุกคนหันหลังไปมองเป็นตาเดียว
ทุกคนก็ถึงกับแปลกใจเนื่องจาก เห็นชายหนุ่มร่างบางผมสั้นสีน้ำตาลในตาสีเขียว ผิวสองสี สวมเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนเลอะเทอะดู มอมแมม นั่งทรุดลงอยู่ที่ประตูทางเข้าหอประชุมแห่งนั้น โดยมีอาการหายถี่หรือหอบนั่นเอง
ช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆที่จะมีผู้เข้าสมัครคนที่51 เข้ามาในที่แห่งนี้ได้ทันเวลา ขอตั้งฉายาให้ว่า ชายผู้มาสาย~~” พิธีกรกล่าวในเชิงติดตลก ว่าที่นักศึกษาก็พากันหัวเราะขบขันเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ในหอประชุมเห็นเช่นนั้นก็มาพาตัว ชายผู้มาสายไปยืนเข้าแถวแล้วปิดล็อคประตูหอประชุมเสีย
ขอเชิญ ศ. อิคโรเทเรียส  อิคิวบัส อาจารย์ใหญ่ประจำมหาวิทยาลัย สากล แห่งไตรทิออนเนียร์กล่าวเปิดพิธี ครับขอเชิญครับ พิธีกรกล่าวจบก็มีชายชราผู้แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยเข้มกลัดสีทองและอัญมณีต่างๆนาๆดูจะหรูหรากว่า คนอื่นก็ก้าวเดินออกมาช้าๆ ด้วยความสง่าและดูทรงเกียรติยิ่งนัก
ใครที่เข้ามายืนในนี้ เรารับหมด ขอให้โชคดีนะทุกคน แล้วก็เดินลงออกจากหอประชุมไปอย่างรวดเร็ว เหลือก็แต่ นักศึกษาใหม่สดๆร้อนๆที่อ้าปากค้างทำหน้า งง งน กันไปหมด ไม่เว้นแม้แต่พิธีกร ในพิธี
อ้า~~? ...คือ..อาจารย์ใหญ่ท่านเป็นคนที่ กะทัดรัด สมาถะ อย่างนี้และนักศึกษา ก็ถือว่า นักศึกษาได้เข้าเป็นนักศึกษากันแล้วละน่ะ ..เออ .. ตบมือเพื่อเป็นเกียรติให้กับตัวเองหน่อยสิ ครับ ทันใดแม้ยังไม่หายงง กับการกล่าวของอาจารย์ใหญ่ที่สันที่สุดในโลก แต่ทุกคนก็ร่วมกันปรบมือด้วยดี ตามด้วยเสียงเพลงบรรเลงคลอไปด้วย เป็นเสียงเพลงแห่งความน่ายินดี
สิ้นเสียงเพลงบรรเลงก็มี หญิงวัยกลางคนที่สวยสง่าก้าวเดินขึ้นมาบนเวที เรือนผมสีทองยาวดัดลอน ในตาสีม่วง ใบหน้าอันสวยคมผิวขาวละเอียด ชวนให้หลงใหล เธอนั้นกล่าว
ดินั้นในนาม ศ. เวเนซ่า ไรรา หัวหน้าคณะวิชาเวทย์มนต์แห่งมหาวิทยาลัย จะมาอธิบายถึงการแบ่งกลุ่มศึกษา ลำดับ สี นามกลุ่ม สัญลักษณ์ ชื่อหัวหน้ากลุ่ม  สมาชิก


สี             ลำดับ       นามกลุ่ม                 สัญลักษณ์               ชื่อหัวหน้ากลุ่ม
ม่วง           1         นักปกครอง            มงกุฎ                      เอเทโอ...
น้ำเงิน        2           นักปราชญ์              ปากกาขนนก          ไรน่า
แดง           3         นักรบ                     ดาบโล่                    จูรินัส
เหลือง       4            นักการทูต              สัญญาตราประทับ   บัทเตอร์
ดำ             5            นักปฎิวัติ                กำปั่น                      เวโรโนม
เทา            6         นักจักรกล               ฟันเฟือง                  ซิกซิท
ฟ้า             7            นักดนตรี                ตัวโน๊ตโบราณ         ซาช่า
เขียว          8         นักการแพทย์          ใบไม้ศักดิ์                เออร์ดัว
ส้ม            9         นักสร้าง                   ค้อนตะปู                 เตอร์โร
ขาว          10        ความว่างเปล่า        เครื่องหมายคำถาม    เททอร์รัส


แล้วก็ตามด้วยสมาชิกกลุ่ม เพื่อประกาศเสร็จก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเรื่อย จนเจ้าหน้าที่เข้ามาขอความร่วมมือให้จัดแถวตามกลุ่ม
รายชื่อจะเป็นตามนี้ไม่เปลี่ยนแปลง กลุ่มละ5คน กลุ่มที่10 จะมี 6คน ก็มีเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง แล้ว  รศ.เวเน่ซ่า ก็ก้าวเดินลงจากเวทีไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพิธีกรต่อ ...โดยที่ยังไม่ทันจัดกลุ่มแล้วเสร้จก็เกิดปัญหาขึ้นในกลุ่มที่สาม โดยชายผู้มาสายกำลังมีปากเสียงอยู่กับหัวหน้ากลุ่มที่3
นายจะไม่กลับจริงๆเหรอ จูรินัส .....จูเรียกำลังไม่สบายหนักนะ หน่อย ชายผู้มาสายชกเข้าที่ใบหน้าของจูรินัสจนหน้าหัน ชายผมดำในตาสีดำสนิท สูงไร่เรี่ย กันแต่มีร่างกายกำยำกว่า
มันเป็นความตั้งใจของฉันตั้งแต่แรกแล้ว และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด ฉันถือว่านายลงโทษฉันแล้วที่มาเหยียบที่นี่ และฉันขอในส่วนที่นายตามฉันมาคืนล่ะน่ะ โอนาซิเรียส จูรินัส  ก็สวนหมัดเข้าที่ใบหน้าของ ชายผู้มาสายทันที โดนเข้าเต็มๆ จนล้มทั้งยืน...
หนอย~~!!”  โอนาซิเรียสหรือชายผู้มาสายรุกขึ้นยืนกำลังจะปราดเข้าใส่หัวหน้ากลุ่ม3 อีกครั้งแต่ก้มีเจ้าหน้าที่ชุดเทาเข้ามาห้ามทั้งสองฝ่ายเสียก่อน  พร้อมกับมีชายร่างสูงผมสีทองในตาสีน้ำตาลไหม้มาจับที่ไหล่ของโอนาซิเรียสแล้วพูดว่า
พอได้แล้ว โอนาซิเรียส คีย์  ฉันไม่รู้หรอกน่ะว่านายทำไมถึงมาที่นี้เป็นคนสุดท้ายแล้วกำลังมีปัญกหาอะไรกับเจ้านั่น  ทุกคนเริ่มเห้นนายเป็นตัวปัญหาเข้าแล้ว แต่นายก็ยังเป็นสมาชิกของกลุ่มที่10  ซึ่งฉัน เททอร์รัส..เป็นหัวหน้ากลุ่ม ทั้งที่ไม่อยากจะเป็นเท่าไร ฉันมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบกลุ่มหรือแม้แต่การกระทำของสมาชิกกลุ่ม แค่ นามของกลุ่มก็ทำให้เราเป็นแกะดำพอแล้ว นายน่าจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่มาอยู่กลุ่มเดียวกับนายเสียบ้างสิเจ้าบ้า~~~!!!” เททอร์รัส หนุ่มรูปงามร่างกายกำยำกล่าวตวาดพร้อมกับชี้ไปยังที่ที่สมาชิกกลุ่ม10 ที่เหลือ ยืนรออยู่
โอนาซิเรียส ชักงักงัน นิ่งไปชั่วขณะ แล้วก็ก้มหน้าไม่พูดอะไรอีกเลย  เพียงแต่เดินตามเททอร์รัสกับเข้ากลุ่มไปโดยดี ในระหว่างนั้นก็มีเสียงนินทาดังมาจากกลุ่มต่างๆ
นักศึกษา นักศึกษา โปรดอยู่ในความสงบ เห็นได้ว่าตอนนี้ ก็ไม่มีปัญหาอันใดแล้ว มาเริ่มปฐมนิเทศกันต่อจะมีผู้ทรงคุณวุฒิและวัยวุฒิอีกสองท่านขึ้นกล่าวกับนักศึกษาแล้วก็จะเป็นการส่งนักศึกษาเข้าหอพักในอีกไม่ชานัก  และขอเชิญ ศ.โลวัค สคีย์เรียรี่  หัวหน้าคณะวิชากฎหมายและการปกครอง และท่านยังเป็นประธานคณาจารย์นักศึกษาชั้นปีที่4 อีกด้วย
สวัสดีค่ะ นักศึกษาใหม่ ขอเวลาไม่นานนะ ในส่วนของอาจารย์เองนั้น จะขอกล่าวถึง ภาควิชาการ การศึกษาใน สองปีแรกนั้นจะศึกษาโดยวิธีแบ่งกลุ่มศึกษาวิชาทั่วไปและเน้นวิชาเวทย์มนต์เป็นหลักโยมีวิชาเสริมมากมาย ส่วนอีกสองปีหลังนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงกลุ่มศึกษาตามความสนใจของแต่ละบุคคล สามด้านคือ
นักปกครองนักกฎหมายนักการทูต
นักเวทย์
นักรบ อัศวิน
โดยในช่วงสองปีแรกจะมีการวัดและประเมินผลตามระเบียบการทดสอบวัดผลเพื่อไปให้ถึงคุณสมบัติทั้งสาม ขอให้นักศึกษาใหม่ทุกคนพยายามให้เต็มที่ สวัสดี  หญิงชราผู้เปี่ยมไปด้วยความรู้ความสามารถกล่าวจบก็มีเสียงปรบมือจากนักศึกษาตามมารยาท ต่อมาชายชราร่างกายกำยำแต่งกายองค์อาจก้าวเดินขึงขังขึ้นมากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงดุดัน
สวัสดีนักศึกษาใหม่  ผมนายพล โซลเดอร์ บาทิส ในฐานะหัวหน้าคณะวิชาการรบการศึกสงคราม และโดยตำแหน่งประธานคณาจารย์นักศึกษาชั้นปีที่3 จะขอกล่าวต่อในส่วนเรื่องหลักปฏิบัติในกฎระเบียบในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
1.ห้ามออกไปจาก ม.แห่งนี้อาณาเขตคือที่ราบสูงแห่งนี้
2.ห้ามนำสิ่งของส่วนตัวอื่นนอกจากทางที่มหาวิทยาลัยเตรียมให้ แจก หรือขายหรือได้รับจากการชนะเลิศกิจกรรมต่างๆ
3.เรื่องการเสียชีวิต ทราบดีอยู่แล้ว หากใครเป็นเหตุให้เพื่อนเสียชีวิต จะต้องรับโทษทัน
ส่วนกฎโดยละเอียดจะเป็นรูปเล่มอยู่ในกระเป๋าเรียนประจำตัวของแต่ละคน และในด้านการดำเนินชีวิตใน ม.  นอกจากนั้นแล้วปรึกษา รศ.โบบโปะ  ชูชา ตามตำแหน่ง ประธานอำนวยการการจัดการนักศึกษาปีที่1 แห่งมหาวิทยาลัยไตรทิออนเนียร์

ขอเชิญท่านประธานกล่าวปิดการปฐมนิเทศครั้งนี้เพื่อเป็นเกียติแก่นักศึกษาใหม่ครับ
อ้าว... ท่านอาจารย์ใหญ่ละคราบบ..  อาจารย์หลังจากกล่าวเปิดพิธี สั่นๆก็ไม่ได้กลับมาที่หอประชุมอีกเลย
ฮือฮา ฮือฮา เสียงนักศึกษาเริ่มดังขึ้นเมื่อประสบกับพิธีการที่แสนจะธรรมดาของ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแทบจะมากที่สุดแห่งนี้ก็ว่าได้
เอ้าล่ะ นักศึกษา อาจจะเห็นพิธีการที่กะท่อนกะแท่นไปหน่อยแต่ด้านการศึกษานักศึกษาจะได้รับเต็มๆ เรียกตำแหน่งอาจารย์ง่ายๆว่า อาจารย์ผู้ดูแลก็ได้นะอาจารย์ไม่ถือ  อ.จะดูแลเรือนนอนเรือนอาหาร เจ้าหน้าที่ของทางมหาวิทยาลัยอยู่ในชุดเครื่องแบบสีเทา แม่บ้านสีครีม อาจารย์ผู้สอนจบตรี เข้มกลัดสีทองแดง อาจารย์ชั้นโทเข้มกลัดสีเงิน ส่วน รศ. หรือ ดร. จะติดเข้มกลัดสีทอง อย่างเช่นที่ปกเสื้อ อาจารย์นี้ไงล่ะ ส่วนจะดูว่า อาจารย์ท่านนั้นสังกัดคณะวิชาใดดูที่อัญมณีบนเข้มกลัด สีน้ำเงินแทนเวทย์ สีแดงคือการรบ สีขาวหรือเพชรคือการปกครอง เอาคราวๆตามนี้  และต่อพิธีการขั้นตอนต่อไปก็เรียงแถวตามลำดับกลุ่มเพื่อเข้าห้องประชุมย่อยตามเลขห้องของแต่ละกลุ่ม ในห้องจะมีสัมภาระส่วนตัวที่ทางเราจัดเตรียมไว้ให้ และห้องแต่งตัวรวมถึงห้องน้ำ ถ้าใครปวด?” อาจารย์ผู้ดูแลกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หลังจากนั้นนักศึกษาก็เข้าแถวตามกลุ่มไปยังห้องประชุมย่อยตามเลขห้อง



ณ ห้องทำงานกว้างที่อยู่ชั้นบนสุดของตึกประชุมแห่งนี้
ศารตราจารย์ ค่ะ ดิ ฉันเดาไม่ผิดจริงๆ ที่ท่าน ซึ่งเป็นประธานในพิธี แล้วก็ได้หายไปจากพิธีเช่นนี้  จนต้องมานั่งคุ่นคิดอยู่เช่นนี้ หญิงผมทองเครื่องแบบสีฟ้ากล่าวแก่ชายชรา นั่งมองวิวทิวทัศน์ ณ ห้องทำงานนั้นเอง
            เจ้าก็น่าจะรู้ เวเนซ่า ว่ากลุ่มที่10 หน้าจะมีชื่อกลุ่มว่านักเดินทาง  เหมือนกับรุ่นก่อนๆ ท่าทางปีนี้ พลังของพฤกษาแห่งคำทำนายคงจะเริ่มโรยราเสียแล้ว  แล้วเด็กที่จะสร้างวารีแห่งวาจาก็หาได้มีแล้วอีกไม่ นี่ก็กว่าหลายสิบปี ยังไม่สามารถหาวารีแห่งวาจามาทำให้พฤกษาแห่งคำทำนายกลับมาเติบโตอีกครั้ง มิฉะนั้นหมดสิ้นยุคแห่งเวทย์มนต์เป็นแน่แท้
                ก็ คงไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล  ถ้าหากดอกไม้ของพฤกษาแห่งคำทำนายสามารถอ่านจิตใจของเหล่านักศึกษาได้ แต่ในปีนี้ กลับอ่านจิตใจด้านมืดของแต่แต่ละคนไม่ได้เลย ซึ่งเราจะยับยัง้สิ่งที่ชั่วร้ายไว้ไม่ทันการ แต่ก็คงจะทำให้เจ้าหน้าท่านอื่นเป็นกังวลไปด้วยไม่ได้
            งั้นรึ   ปีนี้คงทุลักทุเลหน่อยละน่ะ ฝากด้วยล่ะ เวเนซ่า  ลูกพ่อ
                ค่ะท่าน พ่อ

-2-
            อีกด้านหนึ่ง ณ ห้องประชุมย่อยหมายเลข 10 สมาชิกกลุ่มก็เดินเข้ามาทีละคนทีละคน สมาชิกเป็นชาย4หญิงสอง 
                อ้า..นึกเลี้ยวว่าเอาของเข้ามาล้วยม่ายล่าย เชงจังง่า หญิงสาวผมดำมัดผมโดยคล้ายกับมีซาลาเปาอยู่บนหัว ผิวขาวในตาสีดำสนิท สูงน้อยกว่าโอนาซิเรียสเล็กน้อย  เป็นผู้เอ่ยขึ้นบ่น แต่มันก็ทำให้สมาชิกคนอื่นเริ่มอยากจะปริปากบ้าง
                แหม ก็มันเป็นกฎนี่จ๊ะ ทำยังไงได้ล่ะ  อ่ะ นี่กระเป๋ามีชื่อชั้นอยู่ด้วย ยังไงเรารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนเทอะจ๊ะ  เวลามีน้อยร่างเล็กผิวขาว ผมสั้นสีน้ำเงินสวมแว่นหนาเตอะ กล่าวตอบ
            ผู้หญิงเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัวเลยน่ะ เดี๋ยวผู้ชายจะเปลี่ยนข้างนอก เร็วเข้าเดี๋ยวไม่ทัน เททอร์รัส ชายผู้เป้นผู้นำกลุ่มกล่าวน้ำเสียงเฉยเมย
                รับทราบค่ะ รับซาบเลี้ยว หัวหน้า สองสาวทำท่าตรงแล้วรีบวิ่งไปเข้าไปเปลี่ยนชุด
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ เนื่องจากที่เหลืออยู่ก็คือชายทั้ง4 แห่งกลุ่ม10  ต่างก็ไม่พูดไม่จาก้มหน้าก้มตาสำรวจกระเป๋าสีขาวปักชื่อของตนเองไว้แล้วด้วยด้ายสีเงิน ในนั้นมีเครื่องแบบปีหนึ่งขนาดพอเหมาะกับสัดส่วนของแต่ละคน สมุดบันทึกเครื่องเขียน ของใช้จำเป็นเล็กน้อย บัตรประจำตัวของแต่ล่ะคน
                โอโห้..มีพร้อมเลยแหะ พอดีแป๊ะเลย ...สมกับเป็นมหาวิทยาลัยเวทย์คงจะรู้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว
ชายหนุ่มผมสีทองหันไปกล่าวกับชายผมแดงข้างๆตัวที่กำลังจะเปลี่ยนชุดเช่นกัน
                อืม เสียงตอบมาจากชายผมแดงโดยไม่แม้แต่หันมามอง ผิวขาวระเอียดกับความสูงที่ไร่เรี่ยกันแต่ชายผมแดงร่างบางกว่าเล็กน้อย เอ่ยโดยไม่เชิงจะอยากสนทนาด้วย
                อ้าวๆ เอาเข้าให้แล้ว ชวนเขาคุย โดยที่เขาไม่อยากคุยด้วย..เห่อๆ ชายผู้มาสายทำหน้าล้อเลียนชายผมทอง พร้อมกล่าวเสียดสี
                หน่อย...ไอ้โอนาซิ...
                มาแล้วจ้า...เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พวกหนุ่มล่ะเสร็จ รึยัง สาวแว่นผู้ร่าเริงกล่าว
                ครับผม ใกล้จะเสร็จแล้วครับ ชายคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้กล่าวอันใดเลยก็กล่าวตอบขึ้นด้วยประโยคสุภาพ เขาสูงราว170 พอๆกับโอนาซิเรียส แต่ดูแข่งแรงกำยำกว่า
                ฮา ฮา งั้นถือโอกาสนี้แนะนำตัวเลยนะจ๊ะ ชั้น สาวแว่น เซเวียน่ะ ยินดีที่ได้รุ้จักจ๊ะสาวแว่นกล่าวเป็นคนแรก
                ส่วนอั้วก็  ซาจิรอส พวกรื้อเรียกอั้วว่า ซาจิก็ได้นะ ยิงลีที่ล่ายรู้จักสาวหมวยหัวซาลาเปากล่าวตามในสำเนียงอีกแบบ
                ...... สี่หนุ่มยังไม่มีใครพูดแนะนำตัว แต่ใช้สายตาแห่งความเกรงใจมองกันไปมองกันมา ดูแล้วเหมือนเกี่ยงกันเสียมากกว่า
                ผะ ..ผมบิลลิเซ่ ครับยินดีที่ได้รู้จักพวกคุณทุกคนครับ ชายสวมแว่นผมน้ำเงิน ท่าทางหนอนหนังสือ เอาตัวรอดแล้ว
            ...... เอ้ยแล้วจะเงียบกันทำไมเลา นายนั่นแระ โอนาซิเรียส แนะนำตัวซิ จะรอคนสุดท้ายเหมือน ฉายาชายผู้มาสายเหรอ  เออฉันเททอร์รัส หัวหน้ากลุ่ม10 ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่อยากเป็นหัวหน้าเท่าไหร่หรอก หัวหน้าผมทองเกี่ยงไปที่ ชายผุ้มาสาย
เข้าให้เป็นก็เป็นไปเถอะ  จะได้สั่งนู่นสั่งนี่ อย่างที่กำลังทำอยู่เนี่ย !! โอนาซิเรียสยินดีที่ได้รู้จัก โอนาซิเรียสกล่าวประชด
นายก็มาเป็นหัวหน้าแทนฉันสิฟ่ะ!!” กล่าวโต้ตอบ
แฮ แฮ อย่าทะเลอะกันสิพวกเธอ  แล้วก็ทำไมองค์ชาย เททอร์รัส แห่งเทอุซ จะไม่เหมาะกับการเป็นหัวหน้าได้อย่างไรล่ะค่ะ เซเวียรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วถึงชื่อเสียงของเททอร์รัส
นี่..เธอ.. เททอร์รัส ประหลาดใจเล็กน้อย
ส่วนคุณ ก็น่าจะ พยายามมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆบ้างนะค่ะ บุตรแห่งมหาเศรษฐีพาทิโอส  ฟิโอเลโอส พาทิโอส  ผู้หยิ่งผยองในชาติตระกูล รึ เปล่าเซเวียกล่าวเพื่อดึงสายตาของฟิโอเลโอสมาที่ประโยคเชิงหยอก
ก็ตามนั้น ฉันฟิโอเลโอส ส่วนเรื่องนั้นแล้วแต่จะคิด เขามองมายังกลุ่มเพียงวินาทีเดียวพร้อมกับกล่าวชื่อของต้นแล้วก็หันกลับไปกอดอกมองไปทางอื่นเสมอราวกับไม่อยากรวมวงสนทนา
หน่อย นายจะผยองเกินไปแล้วน่ะ เททอร์รัส ไม่สบอารมณ์กับท่าทีของ ลูกชายมหาเศรษฐีผมแดงท่าทางหยิ่งๆ ปราดเข้าไปหมายจะกระชากคอเสื้อถามถึงเหตุที่ไม่ยอมพูดยอมจา แต่ก่อนจะเข้าถึงตัวชายผมแดง โอนาซิเรียสก็ได้รั้งตัวหัวหน้าเลือดเดือดไว้
ผมว่า เราใจเย็นๆกันก่อนเถอะนะครับ บิลลิเซ่ ก็เข้ามากลางวงด้วย
ฉันก็ไม่ได้อยากจะมาเป็นหัวหน้านักหรอก หัวหน้าผมทองตะโกนใกล้ๆโอนาซิเรียส แต่โอนาซิเรียสก็พอกันแม้จะตัวเล็กกว่า ก็ตะโกนใส่หน้ากลับไปว่า
ส่วนฉัน ก็ไม่ได้อยากจะเข้ามาเรียนที่นี่เลยสักนิด~~~!!   ....ดังกว่ามั้ย
เสียงพวกลื้อดังไปห้องข้างๆเลี้ยวมั้ง ซาจินั่งห้อยขาอยู่บนโต๊ะประชุมในท่าทางเป็นเด็กสาวช่างสน ชาวบ้านเขาดูจะทะเลอะกันแต่แม่สาวหัวซาลาเปา หานู่นแคะนี่ ไม่เรียบร้อยเอาเสียเลย
ฮา ฮา~ ฮา~~~!!  ขำจังเลยขำจนกลั่นไม่อยู่ ทีมของชั้นมีทั้งอาหมวยจอมซน เจ้าชายขี้โมโห ทายาทเศรษฐีจอมหยิ่ง หนุ่มน้อยหนอนหนังสือ ผู้ชายที่ไม่ตรงต่อเวลา ดีใจจังเลย~~!!) เซเวียสาวแว่นทำท่าดีใจสุดขีด จนทุกคนในกลุ่มทำหน้าไม่ถูกกับฉายาที่เธอสาวแว่นช่างพูดตั้งให้สดๆร้อนๆ
“ไอ้ฉายาของฉันทำไมมัน เห่ย กว่าชาวบ้านล่ะ คราบ~~ T-T จะร้อง” โอนาซิเรียสโอดโอย
“ก็อกๆๆ สวัสดีทีม 10 ครับ อาจารย์ที่ปรึกษาของคุณ ในวันนี้ไม่สามารถมาพบได้ แต่ในอีกสิบกว่านาทีนี้ จะต้องเดินตามทางไปทดสอบพลัง  เดี๋ยวฉันจะมาเรียกเอง  อืม.. เกือบลืม นี่  เอกสารแสดงรายนามของอาจารย์ที่ปรึกษาของแต่ล่ะกลุ่ม ฉันไปล่ะ เดี๋ยวจะไปประชุมเจ้าหน้าที่อีก ไปละนะ” เจ้าหน้าที่ชุดเทาท่าทางใจดีคนนั้นเข้ามาแล้วยื่นแผ่นกระดาษหนึ่งใบให้กับ ฟิโอเลโอส ที่ยืนอยู่ใกล้ประตูที่สุด ก่อนที่เขาจะเดินออกไป
กลุ่ม               อาจารย์ที่ปรึกษา         อายุ            คุณวุฒิ
1.                     รศ.อีโอนาซ ญ.            30            เกียรตินิยมไตรทิออนรุ่น 58 ภาคการเวทย์
2.                     รศ.ทรูโน  ช.                35            เกียรตินิยมไตรทิออนรุ่น 53 ภาคการเวทย์
3.                     รศ.เคทิออส ช.            30             หัวหน้าหน่วยรบแห่ง ม.ไตรทิออน กน.ตอ. รุ่น58
4.                     รศ.เจอร์มินี่ ช.             33              อดีตทูตจากต่างแดน ม.เทลโลเวท ภาคการปกครอง
5.                     รศ. ทานมิน ช.            38              เกียรตินิยมไตรทิออนรุ่น 79 ภาคการปกครอง
6.                     ศ. ติมอร์  ญ.                33              เกียรตินิยมเวทย์วิศวกรรม ม.เมอร์ชินโทโด
7.                     รศ. มีเทีย  ญ.               30              เกียรตินิยมและแชมป์ดนตรีภาคเวทย์ดนตรี ม.ไวโอ
8.                     ศ.ทิวลี่ย์ ญ.                  45               เกียตินิยมไตรทิออน รุ่น 41 ภาคการเวทย์
9.                     พันโท โอนิว ช.           32               อดีตหัวหน้าหน่วยทหารอิสระแห่งเมืองโฟเซ็นท์
10.                  ทิวดัส  ช.                   29               ป.ตรี ไตรทิออนรุ่น  58 ภาคการเวทย์

บิลลิเซ่ รับหน้าที่เป็นคนอ่านแผ่นกระดาษแสดงแสดงรายนามอาจารย์ที่ปรึกษาฟัง
        “เอ๊~~~ ผมว่ามันชักจะยังไงอยู่นะครับ อาจารย์ที่ปรึกษาทีมอื่นเขา รองศาสตราจารย์หรือไม่ก็ศาสตราจารย์หรือไม่ก็มีตำแหน่งทั้งนั้นเลย  อ.ที่ปรึกษาเรา เป็นแค่อาจารย์ ล่ะครับทุคน” บิลกล่าวจบก็ลูบหัวตัวเองเบาๆเนื่องจากยังสงสัยในรายนามนั้น
      “เห็งพวกเราเป็งอะไรกัง  แตกต่างกังอย่างซิ่งเชิง” ซาจิไม่พอใจทำท่ากอดอกแก้มป่อง
        “เอาน่า~~ เอาน่า~~  ฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับเรื่องนี้อยู่แล้ว เรียนที่นี้อันที่จริงมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง การที่จะได้รับคัดเลือกในสายใดนั้นขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเรา อย่างอื่นไม่เกี่ยว” เททอรัสเอามือทั้งสองประสานที่ท้ายทอยแอนหลังไปกับพนักพิงเก้าอี้ ไม่ทุกข์ร้อน ทำหน้าเฉยเมยไม่สนโลก
        “ ฮิ ฮิ เอาเถอะค่ะ ว่าแต่วันนี้ไม่มาเหรอ อายุไม่มากเสียด้วย หล่อ อ่ะเปล่าเนี่ย” เซเวียกล่าวไปอีกเรื่องเพื่อปรับอารมณ์ 
        “เอ้...ชื่อนี้ ผมคุ้นๆนะครับ แต่ยังนึกไม่ออก” บิลกล่าวตาม  หลังจากนั้นทุกคนก็กลับมาเงียบ มีแต่เซเวียที่พยายามจะคุยกลับฟิโอเลโอส ผู้เงียบขรึม
        หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่คนเดิมก็มาเรียกกลุ่ม10 ให้เดินออกไป ตามทาง โดยระหว่างทาง
เททอร์รัสเดินประกบท้ายเคียงไปกับโอนาซิเรียส
        “นายว่ากลุ่มของเราจะสามัคคีกันได้ไหม ?  โอนาซิเรียส” หัวหน้าทีมชวนคุยในเชิงปรึกษา
        “ฉันว่า ...เรื่องที่นายถามมันยังหาคำตอบไม่ได้หรอกนะ  แต่เราต้องหาคำตอบร่วมกัน ระหว่างการค้นหาคำตอบมันคงสนุกสนาน อมทุกข์ แต่ก็คงเป็นประสบการณ์ที่ดีไม่ใช่เหรอ  ความสมบูรณ์แบบ  มันก็ไม่ต่างอะไรกับจุดสิ้นสุดของการพัฒนา    เออ... องค์ชายก็ใช้พระราชอำนาจกำราบไอ้พวกกระผมเสียให้อยู่ใต้เบื้องพระยุคลละบาทเลยสิ พ่ะ ย่ะ ครับ”
        “ก็จริงอย่างที่นายว่าล่ะน่ะสำหรับเรื่องแรก แต่อีกเรื่องนายจะไปรู้อะไร โอนาซิเรียส  อำนาจราชสมบัติ ราชบัลลังค์  มันไม่มีความหมายกับฉันมาตั้งแต่ฉันลืมตาดูโลกนี้แล้ว”
        “ฉันไม่สำนึก แล้วก็ไม่ถอนคำพูดง่ายๆหรอกน่ะ อย่ามาพูดให้นิยายดูมีปมได้ไหม ปมนี้นิยายเรื่องอื่นก็ใช้กันนะ ....”
        “ว่าแต่นายอย่าทำตัวเด่นในทางเสียๆหายๆต่อกลุ่มก็แล้วกัน ฉันอยากใช้ชีวิตเล่าเรียนแบบธรรมดา ไม่เป็นจุดสนใจ”
        “ก็เปลี่ยนนามสกุลเสีย สิ” “ก็ว่าอยู่”
        “คุยอะไรกันอยู่ เหรอครับ ให้ผมรับรู้ด้วยได้ไหม องค์ชาย”  บิลลิเซ่หันหน้ามาสนใจการสนทนา
        “ถ้าเรียกองค์ชายอีกครั้ง นายจะไม่มีโอกาสเรียกฉันอีกเลย บิล”
        “เฮ่อๆ อย่าพึ่งโกรธสิครับหัวหน้า  ผมก็แค่อยากคุยด้วยเห็น คุณสองคนดูสนิทสนมกันนี่ครับ”
        “นี่บิล  ถ้าอยากสนิทกับฉัน  นายเลิกใช้คำนำหน้าว่า คุณนั้น คุณนี่เทอะ ฟังแล้วอีกสิบปีก็ไม่สนิท” โอนาซิเรียส แนะนำ
        “อืม...จะพยายามครับ แต่ผมติดพูดแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว”
        “แล้วนายไม่ไปคุยกับหมอนั้น ล่ะ” โอนาซิเรียส พูด พร้อมทำปากจู๋ชี้ไปยังเบื้องหลัง ฟิโอเลโอสผู้เงียบขรึม
        “อ๋อ ผมคุยแล้ว แต่ฟิวเขาเป็นคนพูดน้อย  ผมว่าลึกๆแล้วเขาเป็นคนที่มีน้ำใจน่ะ  ตอนที่มาเข้าแถวที่ห้องประชุมช่วงที่ยังไม่แบ่งกลุ่ม ผมเดินไปชนเขาอย่างแรง แว่นตาผมกระเด็นหายไป  เขาไม่ว่าผมสักคำยัง ก้มลงเก็บแว่นให้ผมด้วย แล้วบอกว่า ไม่เป็นไร”
        เมื่อบิลกล่าวจบ เททอร์รัสกับโอนาซิเรียสก็หันมามองหน้ากันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
        จนถึงอีกด้านหนึ่งของตึกหอประชุม มาถึงยังจุดตั้งโต๊ะ ของเจ้าหน้าที่ชุดฟอร์มสีฟ้าประมาณสี่ห้าคนนั่งอยู่
      “จุดนี้เป็นจุดตรวจสอบพลังเวทย์นะครับ พวกเธอก็ทำตามที่เจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ชุดฟ้าเขาแนะนำน่ะ เดี๋ยวฉันมารับ”สิ้นเสียงเจ้าหน้าที่ชุดเทาก็เดินนำหน้าออกไปก่อน
        เจ้าหน้าที่ชุดฟ้าก็บอกให้สมาชิกกลุ่มมานั่งที่โต๊ะที่ละคน เพื่อรับการทดสอบ เททอร์รัสหนุ่มผมทองมาดแมน ก้าวออกไปเป็นคนแรก เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ยืนดอกไม้สีขาวให้หนึ่งดอก
        “ดูสิ ยื่นดอกไม้ให้ด้วย แสดงความขอบคุณที่เข้าเรียนที่นี้ รึ ไง” โอนาซิเรียสแซวเบาๆ
        “เปล่าหรอกครับ ดอกไม้สีขาวนั้นน่ะ มีไว้ตรวจสอบอะไรสักอย่าง ดอกไม้ของต้นพฤกษาแห่งคำทำนายครับ เท่าที่ผมรู้มาน่ะ” บิลลิเซ่ หนุ่มหนอนหนังสือไขข้อสงสัย
        เททอร์รัสกำดอกไม้ด้วยมือเดียวตามที่เจ้าหน้าที่บอก แล้วหลับตา สมาชิกทีมต่างจ้องมองดูเททอร์รัสอย่างใจจดใจจ่อ  ไม่นานนักซาจิก็ต้องถึงกับตาลุกว้าวเมื่อได้เห็น ดอกไม้สีขาวที่เททอร์รัสกำนั้นก็มีประกายไฟเกิดขึ้นที่กลีบดอกจนเผาไหม้ดอกไม้ดอกนั้นจนเป็นผุยผงไปกับตา
        “ไฟ ” เจ้าหน้าที่คนที่นั่งสังเกตร้องบอกคนที่ยืนเพื่อให้จดบันทึก
        คนต่อไปบิลลิเซ่  ก็เข้าไปทำเหมือนกันนั้นแต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคือ  กลีบดอกของดอกไม้ค่อยๆกลายเป็นโลหะจนกลายเป็นดอกไม้เหล็กทั้งดอก เมื่อเขาปล่อยมือ ดอกไม้นั้นก็ล่วงลงกระทบพื้นโต๊ะ เสียงดัง “แกร็ง ~!” “โลหะ คนต่อไป ซาจิรอส
        อาหมวยซาจิมีอาการตื่นๆ แล้วก็เอื้อมมือไปกำดอกไม้ดอกนั้นแล้วหลับตา สักพักก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ซาจิจิตตก ร้องตะโกนอย่างตื่นตกใจ “ไม่~~~ น๊า~~~ ไม่จริง~~
      “นี่ นี่ เธอ เข้ากำกันมือ ซ้าย...เธอกำมือขวา แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นได้ยังไงเล่า!! เป็นสาวเป็นแส้ เก็บอาการหน่อยสิ เธอน่ะ” เจ้าหน้าที่หญิงกล่าวเสียงเรียบๆ ทำเอาซาจิ หน้าซีด อายม้วนเลยทีเดียว  เซเวียหัวเราะ คิกๆ พร้อมกับลูบหลังให้กำลังใจซาจิ บิลก็ยิ้มให้อย่างเป็นกำลังใจ โอนาซเรียสบ่นอุบอิบ ฟิโอเลโอสเอามือข้างหนึ่งปิดหน้าแล้วหันไปทางอื่น เททอรรัส เกาหัวและ ทำหน้าไม่สบอารมณ์ กอดอกจ้องมองซาจิหน้าดุดัน
        “แฮ แฮ อั้วขอโทษน้อ....ตื่งเตงนิดน้อย ” ซาจิกล่าวไม่ทันจบ เจ้าหน้าที่ชายก็กล่าวสวนว่า “มากเลยล่ะจ๊ะ” เจ้าหน้าที่ต่างยิ้มเล็กน้อยให้ เนื่องจากซาจิเป็นหน้าตาไรเดียงสา ต๊องๆ น่ารักน่าเอ็นดู
        ลองใหม่อีกครั้ง ดอกไม้ของซาจิก็ค่อยๆเบ่งบานขึ้นเบ่งบานขึ้นจนกลีบดอกล่วง “ดิน”
        ต่อไปตา เซเวียสาวแว่น หล่อนก็ทำเหมือนเดิน แต่ดอกไม้นั้นมีใบเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น “น้ำ”
        “ เอ้..มัน ดิน ตรงไหนมันน้ำตรงไหนเหรอ ฟิโอเลโอส” โอนาซิเรียสหันไปถาม
        “ก็..ไม่รู้เหมือกัน”
        “อ๋อ..เขาว่ากันว่า น้ำบำรุ่งใบดินบำรุงดอกนะครับ พวกที่ชอบปลูกต้นไม้รู้กันดี” บิลลิเซ่ไขข้อสงสัยให้โอนาซิเรียสอีกแล้ว
        คนต่อไปฟิโอเลโอส น้ำแข็ง จากการที่ดอกไม้นั้นกลายเป็นน้ำแข็ง คนสุดท้าย โอนาซิเรียส เขาเดินเข้าไปรับการทดสอบ ทันทีที่เขาจับดอกไม้แล้วหลับตา ก็มีแสงเจิดจ้าบังเกิดขึ้นจากดอกไม้ ว้าบ !!  จนทำให้ทุกคนต้องหลับตา เมื่อสิ้นแสงก็ปรากฏว่าดอกไม้นั้นหายไปแล้ว ท่ามกลางความตะลึงงั้นของเหล่าเจ้าหน้าที่ชุดสีฟ้า จึงทำให้เขาต้องลองกันใหม่ เริ่มมีเสียงบ่นขึ้นมา
        “เอ..เมื่อกี้มีอะไรกันเหรอ เห็นเอะอะกันใหญ่” เสียงของหญิงชรามาจากด้านหลัง เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างยืนตรงทำความเคารพพร้อมกับเล่าเหตุการณ์ สมาชิกทีม10 จำได้ว่า เป็นหญิงผู้สง่า  ประธานคณาจารย์หนักศึกษาชั้นปี 4 และตำแหน่งหัวหน้าคณะภาควิชาการปกครองด้วย
        ได้ขอสรุปว่า ให้ลองอีกครั้งหนึ่ง เมื่อลองอีกครั้งก็ปรากฏว่าดอกไม้นั้นหลุดลอยออกไปจากมือโอนาซิเรียส ลอยขึ้นๆไปบนเพดานแล้วล่วงลงมา
 “เห่อ ลม  เสร็จขั้นตอนการตรวจสอบ นักศึกษาเดินออกไปตามทางนี้ เจ้าหน้าที่ชุเทาเขาก็มารอนักศึกษาอยู่ด้านหลังแล้ว”
        ขณะเดินไปตามทาง หัวหน้าทีมก็หันมากล่าวว่า
        “เฮ บิล..ท่าทางนายความรู้เยอะดี  มาเป็นหัวหน้าแทนฉันเถอะ”
        “ม..ไม่ล่ะครับ ผมไม่ค่อยเก่งเรื่องการเป็นผู้นำ” บิลกล่าวเลี่ยง
        “ขี้เกียจล่ะ สิ นายน่ะ รักษามาดหน่อย หัวหน้ากลุ่มขี้เบื่อแห่งความว่างเปล่า” โอนาซิเรียส แหย่
        “มันไม่เหลือมาดอะไรให้กลุ่มตั้งแต่นายมาสายได้ฉายาบ้าบ้า แล้วก็ไปมีเรื่องกับหัวหน้ากลุ่มสามแล้วล่ะ แล้วฉันจะต้องรักษามาดไปทำไมล่ะ ก็นายทำงามหน้านักนิ”
        “อุ้ย~~!! จุก แทน” เซเวีย แซวโอนาซิเรียส หลังจากถูกเททอร์รัส สวนเข้าให้
        แล้วทุกคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมๆกัน เว้นแต่เจ้าตัว   เขาก็สังเกตเห็นฟิโอเลโอสแอบยิ้มมุมปาก
        ต่อมาทีม10ก็มายืนอยู่สวนด้านหลังของตึก ก็พบว่า มาถึงที่นี่เป็นทีมสุดท้าย โดยมีทีมอื่นๆรออยู่แล้ว สังเกตได้ว่า มีเสียงนินทาและสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก สื่อมาให้รู้สึกเช่นนั้น...........



.......................แต่งต่อไว้แล้วแต่เขียนไว้ครับ...ตอนแต่งเขียนเอา เลยต้องแกะกันอีกที.............
พิมพ์ไม่เร็วเสียด้วยสิ...............................